วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อากาศที่บริสุทธิ์ กับ การพักผ่อนเพียงพอ

 






อากาศรอบตัวท่านบริสุทธิ์หรือไม่
    หากลองกลั้นหายใจแล้วจับเวลาดู  ท่านคิดว่าจะทำได้นานเท่าไหร่  มีน้อยคนจะกลั้นได้ถึงหนึ่งนาที  แต่นั่นก็เป็นเวลาแค่สั้นๆ เมื่อเทียบกับการที่คนเราหายใจตลอดเวลา  เมื่อใดที่ร่างกายขาดอากาศก็จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 5 ถึง 6 นาที และสมองจะเริ่มถูกทำลายหากขาดออกซิเจนเกิน 4 นาที เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเราจึงต้องการออกซิเจนเพื่อความอยู่รอด
    อากาศมีอยู่ทุกที่ ถือว่าเป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่ไม่ต้องหาซื้อที่ไหน  ถ้าเช่นนั้น ไฉนอากาศจึงได้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร “เริ่มต้นชีวิตใหม่”  ที่เราควรเรียนรู้  นั่นก็เพราะบางครั้งท่านอาจไม่ได้รับอากาศบริสุทธิ์และประโยชน์จากการหายใจ มากเท่าที่ควร
    หากท่านอาศัยอยู่ในเมืองที่มีมลภาวะทางอากาศสูง  ในแต่ละวันท่านสูดรับอากาศที่มีสารปนเปื้อน 200 ส่วนในล้านส่วน ในปริมาณสูงถึง 8,500 ลิตร สารปนเปื้อนที่ว่านี้มีทั้งละอองฝุ่น ไอเสียจากรถยนต์ ควันจากโรงงานที่ลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วไป  ฟังดูแล้วน่ากลัวจริงๆ มลพิษในอากาศเป็นสาเหตุทำให้คนมากมายเป็นโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหืดหอบ จนถึงขั้นมะเร็งปอด
    หลายคนมีสุขภาพดีขึ้นเมื่อได้ย้ายออกสู่ชนบท  ในที่ที่อากาศสะอาดและบริสุทธิ์  ท่านรู้จักใครบ้างที่มีปัญหาสุขภาพและควรย้ายไปอยู่นอกเมือง
    คงไม่ใช่ทุกคนที่สามารถย้ายออกจากเมืองได้  ถ้าเช่นนั้นเราควรแก้ปัญหาโดยการติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้กับบ้านและที่ทำ งานดีไหม  เพื่อจะมีอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจ  คำตอบคือได้  แต่เราจะพบปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ อากาศที่ได้รับนั้นเป็นอากาศเสียที่ถูกฟอกให้บริสุทธิ์ใหม่  คุณภาพจึงลดน้อยลง เราอาจจะไม่ได้รับอากาศบริสุทธิ์อย่างเต็มที่   อากาศที่ได้มาถูกหมุนเวียนแล้วนำกลับมาใช้ใหม่  เพราะการนำเอาอากาศที่เย็นอยู่แล้วกลับมาทำให้เย็นอีกโดยอาศัยอากาศใหม่จาก ภายนอกเพียงเล็กน้อย  ก็เป็นการประหยัดไฟกว่าที่จะทำให้อากาศร้อนภายนอกเย็นลง  แต่การหมุนเวียนอากาศมาใช้แม้มีราคาถูกกว่า  คุณภาพของอากาศจะด้อยลง    นอกจากที่อากาศต้องผ่านเครื่องกรองหลายครั้งแล้ว  การหมุนเวียนอากาศมาใช้ใหม่ยังเป็นการแพร่เชื้อโรคได้อีกทางหนึ่ง  คือถ้ามีคนป่วยอยู่ในบ้านหรือที่ทำงาน  อากาศที่ปนเปื้อนเชื้อโรคจะหมุนเวียนกระจายอยู่ภายในห้อง  และในที่สุดท่านก็จะหายใจรับเชื้อเข้าไป จึงไม่แปลกใจว่าทำไมโรคที่ติดต่อทางการหายใจนั้นเกิดขึ้นง่ายมากในโลก ปัจจุบัน
เราควรทำอย่างไรดีเพื่อให้อากาศที่เราหายใจนั้นบริสุทธ์และ ปลอดภัย  อาจจะขอให้เพื่อนออกไปสูบบุหรี่ข้างนอก หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองเครื่องปรับอากาศ  ตั้งค่าระบบเครื่องปรับอากาศเพื่อนำเอาอากาศใหม่เข้ามามากขึ้น  หรือนำต้นไม้มาปลูกในห้อง หรือที่ทำงานของท่าน น่าอัศจรรย์ที่ต้นไม้สาารถดูดซึมสารพิษ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เราหายใจออกมา แล้วคายออกซิเจนออกมาให้เรามีอากาศบริสุทธิ์ได้หายใจอีกด้วย  ให้เราร่วมสนับสนุนโครงการลดมลภาวะ  ออกไปสูดอากาศ
บริสุทธ์ที่นอกเมืองบ่อยๆ  เช่นไกล้ภูเขา  ทะเล  น้ำตก  ท่านจะได้รับอากาศบริสุทธิ์สดชื่นจากสถานที่เหล่านี้
เมื่อ ท่านต้องเจอกับจราจรที่คับคั่งหรือฝุ่นควันมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ควรสวมหน้ากากปิดจมูก ซึ่งจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง  หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่ที่มีมลพิษ เพราะ แทนที่จะได้ประโยชน์กลับต้องเสียสุขภาพเพราะควันพิษ

ประโยชน์ของอากาศบริสุทธิ์
   สมองจะทำงานได้ดีหากได้รับอากาศบริสุทธิ์  จากการวิจัยพบว่าเด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้หากได้รับอากาศบริสุทธิ์จะ ช่วยให้มีพัฒนาการดีขึ้น ส่วน   ผู้ที่รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงานหรือการเรียน อาจเป็นเพราะท่านได้รับอากาศบริสุทธิ์ไม่เพียงพอก็ได้
   การหายใจลึกๆ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ เช่น วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ ฯลฯ เพราะอากาศบริสุทธิ์นั้นจะช่วยล้างสิ่งสกปรกที่มีอยู่ในปอดให้ออกมา  อากาศเสียอาจทำให้ท่านมีอาการปวดศรีษะ  หงุดหงิด  วิตกกังวล  และเหนื่อยล้าง่าย

ประโยชน์ของการสูดลมหายใจลึกๆ
•    ช่วยในการย่อยอาหาร และการไหลเวียนของเลือด
•    ช่วยป้องกันการติดเชื้อในปอด
•    ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง และแผลในกระเพาะอาหาร
•    ช่วยลดอัตราการเต้นของหัวใจ
•    ลดอาการปวดตามข้อ
•    ช่วยให้มีอารมณ์ดีขึ้น
•    ช่วยให้มีความกระฉับกระเฉง  ว่องไว
จะรับอากาศบริสุทธิ์ให้เพียงพอได้อย่างไร
   คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับประโยชน์จากการหายใจอย่างครบถ้วน เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ลองสูดหายใจให้เต็มปอด แล้วท่านจะรู้สึกว่าปอดได้รับอากาศมากขึ้นกว่าเดิม
ต่อไปนี้เป็นวิธี การออกกำลังง่ายๆ ที่จะช่วยให้ท่านได้รับออกซิเจนมากขึ้น  ยกแขนสองข้างขึ้นเหนือศรีษะ  สูดลมหายใจเข้าทางจมูกช้าๆ สูดเข้าไปในช่องท้องให้ลึกที่สุดเท่าที่ท่านจะทำได้  หลังจากนั้นค่อยๆ ปล่อยลมหายใจออกทางปากจนรู้สึกว่าอากาศออกจากท้องจนหมด  ดันอากาศออกให้หมดด้วยการไอออกมาครั้งหนึ่ง  ทำขั้นตอนเหล่านี้ประมาณ 5-10 ครั้ง ทุกๆ วัน  เพื่อท่านจะได้รับประโยชน์จากอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่
    การยืนและการนั่งแบบตัวตรงช่วยให้หายใจได้ลึกขึ้นเช่นกัน  ไม่ควรนำอะไรมาบีบรัดบริเวณช่องท้องเพราะจะทำให้ท่านหายใจได้ไม่ลึก  วิธีสนุกๆ อีกวิธีที่จะช่วยให้ท่านได้รับออกซิเจนมากขึ้นคือการร้องเพลง
    วิธีที่ท่านจะได้รับออกซิเจนดีที่สุดคือการออกกำลังกาย โดยปกติแล้ว ขณะที่คนเราพักผ่อน  ใน 1 นาทีจะหายใจเอาออกซิเจนแค่ 4 ลิตร หรือ 1 แกลลอนเท่านั้น แต่เมื่อออกกำลังกาย ปอดจะรับและถ่ายเทออกซิเจนมากถึง 52 ลิตร หรือ 13 แกลลอนใน 1 นาที การออกกำลังกายในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้มีสุขภาพดี สมองปลอดโปร่ง และมี ทัศนคติที่ดี

ท่านคงรู้สึกเครียดและประหม่าเวลาที่ต้องพูดต่อหน้าคนจำนวนมาก  การหายใจลึกๆ จะช่วยให้ท่านผ่อนคลายได้  หากกำลังโกรธหรือไม่พอใจกับบางสิ่งบางอย่าง  ลองสูดหายใจลึกๆ หลายๆ ครั้งแทนที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วท่านจะรู้สึกดีขึ้น  อย่าลืมว่าอากาศเป็นของขวัญพิเศษ  จงใช้มันให้เกิดประโยชน์
 
ร่างกายของท่านต้องการการพักผ่อน
แต่ ละวันคนเราหายใจรับอากาศในปริมาณมาก  วันหนึ่งๆ เราหายใจประมาณ 20,000 ครั้ง หัวใจเต้นประมาณ 100,000 ครั้ง และพร้อมกันนั้นออกซิเจนก็ถูกแจกจ่ายไปทั่วร่างกายผ่านไปทางเส้นเลือดที่ยาว ถึง 95,000 กิโลเมตร เป็นการช่วยให้กล้ามเนื้อทำงานได้ดีซึ่งปกติเคลื่อนไหวราววันละ 2,000 ครั้ง  อีกทั้งช่วยให้เซลล์สมองประมาณ 14 ล้านเซลล์ทำงานต่อเนื่องตลอดเวลาด้วยเช่นกัน  เมื่อร่างกายทำงานอย่างหนักเช่นนี้จึงจำเป็นต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ความ เหนื่อยล้าเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้หลายๆ คนต้องไปพบแพทย์ ทุกคนอยากมีร่างกายที่แข็งแรง  ลองมาดูสิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะช่วยให้มีสุขภาพดี  นั่นคือการ  “พักผ่อน” หรือ R (Rest) ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร “เริ่มต้นชีวิตใหม่” (NEWSTART) 

โทษของการนอนหลับไม่เพียงพอ
•    ทำให้ประสิทธิภาพการจดจำลดลง
•    เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น
•    มักทำให้เกิดอาการซึมเศร้าและหงุดหงิดง่าย
•    ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงาน ด้อยลง
•    ทำให้เจ็บป่วยง่าย

เราควรนอนหลับกี่ชั่วโมง
   เฉลี่ยแล้วในคืนหนึ่งผู้ใหญ่ควรนอนหลับประมาณ 7-8 ชั่วโมง  จากการศึกษาพบว่าคนส่วนมากที่นอนหลับพักผ่อนประมาณ 7-8 ชั่วโมง มีอัตราเสียชีวิตน้อยกว่าผู้ที่นอนหลับไม่ถึง 7 ชั่วโมงหรือนอนเกิน 8 ชั่วโมง และการนอนหลับเกิน 9 ชั่วโมงในแต่ละคืนอาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้าได้
    คนเราจะได้รับประโยชน์จากการนอนมากที่สุดในช่วงสองสามชั่วโมงก่อนเที่ยงคืน  ฮอร์โมนเม็ลลาโทนิน (Melatonin) เป็นฮอร์โมนที่ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต และสารเคมีสำคัญอื่นๆ จะผลิตในช่วงที่เรานอนหลับสนิทท่ามกลางความเงียบสงบ  การเข้านอนแต่หัวค่ำอาจแตกต่างไปจากวิถีชีวิตของคนส่วนมาก  แต่การนอนหลับที่เพียงพอเป็นสิ่งที่ร่างกายและจิตใจของท่านต้องการ เพื่อจะมีพละกำลัง และประสบความสำเร็จ  ลองเข้านอนตอนประมาณ  3 ทุ่ม และตื่นตีห้า  แล้วสังเกตดูว่าผลที่ออกมาเป็นอย่างไร
เด็กๆ ยิ่งต้องการการพักผ่อนเพื่อการเจริญเติบโตของร่างกายด้วย  กุมารแพทย์ให้คำแนะนำไว้ว่า เด็กควรนอนหลับประมาณ 9-12 ชั่วโมงต่อคืน  หากได้นอนหลับแต่หัวค่ำก็จะมีสภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงในวันใหม่  มีชีวิตการเรียนที่สดใส  ส่วนคนที่เจ็บป่วยยิ่งต้องการนอนหลับพักผ่อนมากๆ เพื่อที่ร่างกายจะได้ฟื้นฟูและหายเร็วขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น